เกร็ดความรู้ เกี่ยวกับการเดินป่าหน้าฝน

สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วๆ ไป แล้ว จะเป็นช่วงของการหยุดพักผ่อน เพราะพวกเขาเหล่านั้นจะไม่พิสมัยเลยกับสายฝนที่เป็นต้นเหตุของการเปียกปอน เฉอะแฉะ แต่สำหรับนักเดินป่าแล้วจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเขารอคอย พอฝนเริ่มตก พวกเขาก็จะเริ่มยัดของใช้ทีจำเป็นลงเป้ เพื่อหาจังหวัดออกเดินทางกันทันที เพราะว่าสายฝนคือตัวนำเอาความชุ่มชื้นมาสู่ป่า สรรพชีวิตในผืนป่าจะดำเนินไปอย่างสดชื่นเป็นสุขป่าจะสวยงามก็ช่วงนี้แหละ ดังนั้นพวกเราจึงไม่รอรีเลยที่จะขึ้นเป้เดินฝ่าสายฝนซึ่งไม่ใช่อุปสรรคเลย สำหรับนักเดินทางอย่างพวกเรา แต่การเดินป่าหน้าฝนนั้นมีความยากลำบากกว่าฤดูอื่นๆ ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมตัวล่วงหน้ามากกว่าเดิมที่เคยใช้ๆ อยู่

การเตรียมสัมภาระสำหรับใช้เดินป่าหน้าฝน

1. เครื่องแต่งกาย
ควรเลือกใช้เสื้อผ้าที่บางๆ และแห้งง่ายหน่อยและควรแยกเป็นชุดสำหรับใส่เดินป่า 1 ชุด และสำหรับใส่นอนอีก 1 ชุดก็พอ ส่วนชุดที่เราจะใช้เปลี่ยนใส่กลับบ้านควรแยกฝากไว้ที่อุทยานหรือในรถตู้ที่ นั่งไปก็ได้ ในหน้าฝนบางทีถุงนอนก็ไม่ค่อยจำเป็นมากนักเพราะไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่นอกจากจะ เย็นเท่านั้น ดังนั้นถ้าเราหาเสื้อผ้าร่มไว้สักตัวเวลานอนก็เอาสวมทับไว้อีกทีเท่านั้น ก็จะช่วยเก็บไอตัวให้อุ่นได้พอแล้วยังใช้ใส่กันฝนที่ตกไม่มากได้อีกด้วย

2. รองเท้า รองเท้าเดินป่า โดยเฉพาะหน้าฝนที่ต้องลุยน้ำลุยท่าตลอดเวลา ควรเป็นรองเท้าที่มีพื้นยางอ่อนนุ่ม และเกาะพื้นหินได้ดี ตัวผนังรองเท้าควรเป็นผ้า และระบายอากาศได้ดี มีรองเท้ายางหล่อชนิดหนึ่งที่เป็นรองเท้าราคาถูกๆ ราคาประมาณ 150 บาท เป็นรองเท้าผ้าพื้นเป็นยางดิบสีดำ ตัวนี้เหมาะมากเลยเพราะเกาะพื้นหินได้ดีเยี่ยมเลย เพราะผมเคยใช้มาแล้ว แต่เสียนิดเดียวพื้นมันบางไปหน่อย แต่ก็ OK เพราะราคาไม่แพงและใช้ได้ดี ใช้เดินสักสี่ห้าทริป ลุยๆ ขาด แล้วก็เปลี่ยนคู่ใหม่ได้เลย เพราะหาซื้อไม่ยากและราคาไม่แพง แถมเกาะพื้นหินดีเยี่ยม ซื้อได้แถวหลังกระทรวงหรือสวนจตุจักร ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 120 - 150 ไม่เกินนี้ ส่วนรองเท้าเท่ๆ พวกรองเท้าขึ้นห้าง เอาเก็บไว้ที่บ้านก่อน ไว้เที่ยวแคมป์คาร์ค่อยใส่ไป อีกแบบนึงคือรองเท้านันยางก็ใช้ได้ดีทีเดียว เลือกดูแล้วกันนะครับ

3. อุปกรณ์ทำกิน ในหน้าฝนไม้ทำฟืนจะหายากเพราะเปียกน้ำหมดเตาแค้มปิ้งแก๊สหรือเตาน้ำมันจะ ช่วยได้ดีทีเดียว เวลาจะเลือกซื้อต้องถามใจตัวเองก่อนว่าจะเอาแบบไหน เตาแค้มปิ้งแก๊ส เวลาซื้อราคาเตาจะถูกกว่าซื้อเตาน้ำมัน เพราะจะอยู่ที่ประมาณพันกว่าบาท แต่เตาน้ำมันราคาสามพันขึ้นไป ถ้าใช้ไม่บ่อยควรเลือกแค้มปิ้งแก๊ส เพราะลงทุนขั้นต้นน้อยหน่อย แต่ระยะยาวจะบานปลายเพราะแก๊สกระป๋อง อย่างถูกๆ ลดราคาตามห้างก็กระป๋องละ 38 เป็นอย่างต่ำ ทริปนึงอย่างน้อยต้องมีถึง 4 กระป๋องถึงจะพอ ถ้าต้องใช้ร่วมกับตะเกียงด้วยก็ยิ่งต้องเผื่อไปอีก เตาน้ำมันลงทุนขั้นต้นสูงหน่อยแต่ตอนใช้งานซื้อน้ำมันเบนซินติดไปลิตรเดียว ก็พอใช้ได้สองสามวันเลย แต่ต้องแพ็คให้ดีเชียว เพราะถ้าหกละก็เหม็นไปทั้งเป้เลย แต่ประหยัดมากถ้าใช้บ่อยๆ ก็เลือกเอาเองแล้วกันนะครับว่าชอบอย่างไหน ที่ผมใช้อยู่เป็นเตาแค้มปิ้งแก็สครับ เพราะต้องใช้ตะเกียงด้วยเลยใช้แบบเดียวกันไปเลย จะได้ไม่ต้องเตรียมเชื้อเพลิงสองอย่างเพิ่มความยุ่งยากเกะกะเข้าไปอีก ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้บ่อยนักหรอเพราะใช้ฟืนก่อไฟเสียมากกว่านอก จากว่าทางอุทยานเขามีข้อห้ามจริงๆ จึงจะใช้เตาแก๊ส แต่ก็เอาติดไปด้วยทุกครั้งแหละ ส่วนพวกถ้วยชาม หม้อไห ให้หาซื้อกะละมังอลูมิเนียมตามตลาดจะดีที่สุด เพราะเบาและถูกสุดๆ เลย ใบนึงไม่เกิน 10 บาทเอง แต่ถ้าไปซื้อที่เขาขายในร้านเดินป่าละก็จะเป็นชุดสวยหรูมาจากนอก แต่แพงหูฉี่ ชุดนึงมีไม่กี่ชิ้นราคาเป็นร้อยๆ เลยไม่จำเป็นครับ เที่ยวป่า ประหยัดอะไรได้ควรประหยัด เพราะต้องติดดินอยู่แล้วหม้อสนามติดไว้สักสามใบ สำหรับคนจำนวน 10 - 12 คนนะ เผื่อเจ้าหน้าที่กับลูกหาบด้วย เพราะเขากินกับเราด้วย กระทะ ตะหริว เอาเท่าที่จำเป็น อะไรตัดไปได้ก็ตัดออก ไม่ต้องขนไปให้หนักเพราะกินไม่กี่มื้อเอง ก็เลือกดูกันแล้วกันนะครับว่าอะไรต้องเอาไปอะไรไม่ต้องเอาไป ใช้อย่างอื่นแทนได้ก็แทนกันไป ไม่ต้องเอาเท่ครับ สงสารลูกหาบที่เป็นคนแบกของให้เราด้วย

4 . ที่หลับที่นอน หน้าฝนควรใช้เปลเหมาะที่สุด เพราะน้ำหนักเบาและกันฝนได้ดีมากถ้าผูกใต้ฟลายชีท นอนฟังเสียงฝนเป็นสุขเชียวละ แต่ก็ต้องทำสายดักน้ำที่ซึมมาตามสายเปลให้ดีเพราะไม่อย่างนั้นมันจะซึมมา เรื่อยๆ จนถึงตัวเปล แล้วก็จะลามมาถึงหลังเลยแหละ ทีนี้ละนอนไม่เป็นสุขแล้ว เพราะมันเปียกชื้นซะแล้ว เปลมีสองแบบคือแบบมีมุ้งกับแบบไม่มีมุ้ง ถ้ากลัวยุง ก็ซื้อแบบมีมุ้งแพงหน่อย แต่กันยุงกัดได้ แรกๆ จะอึดอัดหน่อยแต่ไปๆ ก็ชินไปเอง มุดเข้ามุดออกลำบากนิด ยิ่งผูกใต้เปลคนอื่นด้วยยิ่งแย่ใหญ่ แต่กันแมลงได้ดีครับ เอาเป็นว่าชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้นแล้วกัน แบบไม่มีมุ้งราคาประมาณร้อยกว่าบาท เวลาซื้อให้เลือกดูว่าเป็นผ้าที่มีขอบผ้าทั้งสองด้านยกเว้นด้านหัวด้านท้าย ที่ต้องตัดออกมาจากม้วนเท่านั้น คือเป็นผ้าหน้ากว้างแค่เมตรเดียวเท่านั้นแต่ความยาวไม่จำกัด และเวลาซื้อควรซื้อที่มีขนาดยาวสักหน่อยจะได้ไม่ห่อตัวหรือสั้นเกินไป ควรมีขนาดยาวสักสองเมตรสามสิบเซ็นต์ละก็กำลังดี ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป พอซื้อมาแล้วก็เปลี่ยนสายเสียใหม่ให้เส้นใหญ่และยาวกว่าเดิม เพราะที่มีติดมากับเปลมันจะเส้นเล็กและสั้น เวลาใช้งานจะไม่สะดวกถ้าต้นไม้มันอยู่ห่างกันมากๆ จะผูกไม่ถึง ซื้อเชือกร่มที่มีขายในร้านนั่นแหละสักด้านละ 4 เมตร กำลังสวยใช้ได้ดีทีเดียว

5. วิธีแพ็คเป้ ถ้าเป็นนักเดินป่าขาโจ๋ว ก็จะรู้ๆ กันอยู่ว่า วิธีบรรจุสัมภาระลงเป้ทำยังไง แต่ถ้าเป็นน้องๆ นักเดินป่าหน้าใหม่ ฟังทางนี้ครับ เวลาจะเอาสัมภาระเสื้อผ้าลงเป้ ให้เอาถุงพลาสติกใบโตๆยัดไว้ในเป้ แล้วเอาของทั้งหมดใส่ไว้ในถุงพลาสติกอีกที เวลาเดินทางถ้าฝนตกก็หายห่วงเพราะจะเปียกแค่เป้ แต่ของในเป้จะไม่เปียกเพราะมีถุงรองรับไว้แล้ว ทีนี้ก็พร้อมแล้วละ หาทริปออกไปลุยได้เลย... อ้อ อย่าลืมถุงกันทากด้วยนะ แล้วก็สูตรกันทากสูตรต่างๆ เตรียมไปด้วย หน้าฝนทากยิ่งตรึมแต่ถ้าป้องกันดีก็หายห่วง อย่างดีก็แค่ทำให้รำคาญแค่นั้นแหละอย่าไปกลัวมันเลย

ที่มา http://www.mrbackpacker.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น