วิธีการหาทิศเหนือ

การหาทิศในป่าเมื่อเราไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยาก ที่จริงแล้วเราสามารถใช้เทคนิคตามธรรมชาติ เช่น การดูเงา ดูดาว ฯลฯ เพื่อใช้ในการสังเกตทิศได้ ลองดูเทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้ ที่คุณสามารถใช้ดูทิศเวลาคุณหลงป่าได้

1. การใช้แสงเงาจากดวงอาทิตย์

วิธีนี้ให้เราเตรียมหาไม้ยาวประมาณ 1 เมตร และที่ว่าง ๆ แล้วทำตามขั้นตอนง่าย ๆ 4 ขั้นตอนดังนี้

* ขั้นแรกให้เราหาไม้สักอันยาวประมาณ 1 เมตรก็พอวางไว้บริเวณพื้นเรียบ (ถ้าพื้นไม่เรียบมีพวกหญ้าหรือก้อนหินจะดูเงาไม่สะดวก) ให้วางไม้ในแนวตั้งหรือปักไม้ลงพื้นดิน แสงอาทิตย์จะส่องกระทบมาที่ไม้ทำให้เกิดเงาขึ้นให้วางไม้ที่เราปักอยู่เอนลง มาทาบกับเงาแล้วหาก้อนหินหรือขีดเครื่องหมายเอาไว้บริเวณปลายไม้ เสร็จแล้วเอาจับไม้ขึ้นมาตั้งอย่างเดิมโดยให้จุดที่เราตั้งไม้เอาไว้เป็นจุด เดียวกับจุดแรก
* ขั้นที่ 2 รอประมาณ 10-15 นาที เงาของแสงอาทิตย์จะมีการเคลื่อนย้ายไปเล็กน้อย ใช้วิธีเดิมคือเอาไม้มาทาบกับเงาแล้วทำเครื่องหมายบนจุดบนปลายไม้
* ขั้นที่ 3 ตอนนี้เราจะมีจุดอยู่ 2 จุดให้ลองลากเส้นจากจุดแรกไปยังจุดที่สองเป็นเส้นตรง จุดแรกที่เราได้มาจะเป็นทิศตะวันตก จุดที่สองจะเป็นทิศเหนือ
* ขั้นที่ 4 ให้เราไปยืนหน้าเส้นตรงที่เราขีดไว้โดยให้จุดแรกอยุ่ทางซ้ายมือของเรา จุดที่สองอยู่ทางขวามือเรา ทิศเหนือจะอยู่ด้านหน้าของเรานี่เอง

วิธีนี้จะไม่เหมาะในเวลาก่อนหรือหลังเที่ยงเล็กน้อย เพราะช่วงนี้เงาตกกระทบจะไม่ค่อยทอดเป็นแนวยาว ซึ่งอาจจะทำให้การหาดทิศไม่แม่นยำ

2. การใช้นาฬิกาข้อมือ
ถ้า คุณมีนาฬิกาข้อมืออยู่ สิ่งนี้จะช่วยคุณในการหาทิศได้ นาฬิกาที่ใช้จะเป็นนาฬิกาแบบเข็มหรือนาฬิกาแบบดิจิตอลก็ได้ แต่ถ้าเป็นแบบเข็มจะง่ายกว่า วิธีการคือให้ตั้งนาฬิกาในอยู่ในแนวราบขนานกับพื้น โดยให้เข็มที่บอกชั่วโมงชี้ไปยังดวงอาทิตย์ ทำการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเข็มสั้นกับจุด 12.00 นาฬิกา ยกตัวอย่างจากในรูปเวลาขณะนั้นประมาณเกือบบ่ายสามโมง เราก็ให้เข็มบอกชั่วโมงซึ่งขณะนั้นอยู่ที่เลข 3 ชี้ไปยังดวงอาทิตย์ แล้วทำการแบ่งครึ่งมุมระหว่างเลข 12 กับเลข 3 ซึ่งก็จะได้จุดที่อยู่ประมาณเลขหนึ่งกับเลขสอง ทำการจินตนาการลากเส้นตรงบริเวณเลขหนึ่งกว่า ๆ ที่เราแบ่งได้ผ่านจุดกึ่งกลาง เราจะได้เส้นตรงมาหนึ่งเส้น จุดที่เราได้จุดแรก (จุดที่เราแบ่งมุมมา) จะเป็นทิศใต้ส่วนอีกด้านจะเป็นทิศเหนือ วิธีนี้จะ แม่นยำหากนาฬิกาของคุณตรงกับเวลาที่แท้จริง ถ้าคุณใช้นาฬิกาแบบดิจิตอลคุณอาจจะดูเวลาขณะนั้นแล้วใช้วิธีวาดรูปวงกลมบน กระดาษเอาก็ได้ โดยวาดรูปเข็มสั้น ยาว ให้ตรงกับเวลาปัจจุบัน

3. การดูดาว
วิธีการหาทิศอีกวิธีที่นิยมใช้กับมากคือการหาดาว เหนือ ส่วนใหญ่คนที่ดูดาวไม่เป็นจะมีปัญหาในการหาตำแหน่งของดาวเหนือ ซึ่งวิธีการหาดาวเหนือจะมีวิธีสังเกตได้ไม่ยาก โดยเราจะสามารถสังเกตดาวเหนือโดยอาศัยกลุ่มจระเข้ และกลุ่มดาวแคสสิโอเปีย เป็นหลัก โดยกลุ่มดาวจระเข้จะมีดาวฤกษ์ที่เรียงกัน 7 ดวงเป็นส่วนของหางจระเข้(Usa Major) (ถ้าใครเคยดูการ์ตูนคงนึกถึงดาวที่อยู่ที่หน้าอกเคนชิโร่ ในฤทธิ์หมัดดาวเหนือออก) โดยหากสังเกตที่ดาวจระเข้ตรงดาวดวงที่ 7 ลองจินตการลากเส้นตรงขึ้นไปจะเห็นดาวที่สุดสว่างอยู่ดวงเดียว ดาวดวงนั้นจะเป็นดาวเหนือ (ดูรูปประกอบ) ซึ่งตำแหน่งดาวเหนืออาจจะเยื้องจากเส้นเล็กน้อย ขึ้นกับฤดูกาลด้วย หรือถ้าดูจากดดาวแคสสิโอเปียตรงจุดกลึ่งการตัว M ลองจินตนาการลากเส้นตรงก็จะเจอดาวเหนือเช่นกัน

กลุ่มดาวแคสสิโอเปีย เป็นกลุ่มดาวในซีกฟ้าเหนือ เป็นกลุ่มดาวที่สังเกตและจดจำได้ง่าย ประกอบด้วยดาวฤกษ์สว่าง 5 ดวง เรียงตัวกันเป็นรูปตัวเอ็ม (M) คนไทยจะเห็นเป็นรูปค้างคาว จึงเรียกชื่อกลุ่มดาวนี้ว่า "กลุ่มดาวค้างคาว"
นอกจากนี้เรายังสามารถหาทิศจากกลุ่มดาวทางใต้ โดยสังเกตจากกลุ่มดาวกางเขนใต้ (Southern Cross) โดยกลุ่มดาวนี้จะมีขนาดเล็กประกอบด้วยดาว 4 ดาว ลองดูจะคล้ายกับไม้กางเขน ลองลาดเส้นตรงผ่านบริเวณหัวและท้ายของไม้กางเขนโดยให้ และให้จินตนาการหาจุดที่ห่างออกไปจากปลายกางเขน เป็นระยะประมาณ 5 เท่าของระยะจากหัวกางเขนไปท้ายกางเขน เมื่อได้จุดนี้แล้ว ลองมองจากจุดนี้ตรงลงมายังพื้นดิน ทิศนี้จะเป็นทิศใต้ ส่วนทิศเหนือก็จะอยู่ตรงกันข้าม

4. การดูพระจันทร์
เราสามารถใช้ดวงจันทร์เพื่อดูทิศอย่างหยาบ ๆ ได้ โดยวิธีง่าย ๆ คือดูเวลาการขึ้นลงของดวงจันทร์หากดวลจันทร์ขึ้นก่อนที่พระอาทิตย์จะตกด้าน สว่างของดวงจันทร์จะเป็นทิศตะวันตก หากดวงจันทร์ขึ้นหลังเที่ยวคืน ด้านสว่างของดวงจันทร์จะเป็นทิศตะวันออก วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยแม่นยำนัก เพราะบางทีดวงจันทร์อาจจะขึ้นมาแล้วแต่เรามองไม่เห็นเพราะเมฆมาก และช่วงพระจันทร์เต็มดวงหรือใกล้เต็มดวง ดวงจันทร์จะสว่างทั้งดวงทำให้เราไม่ทราบว่าจะใช้ด้านใดของดวงจันทร์เป็นด้าน สว่าง

5.. การใช้อุปกรณ์
วิธีนี้เป็นวิธีง่ายที่สุด คือการใช้อุปกรณ์ที่ดูทิศได้ เช่นเข็มทิศ หรือนาฬิกาที่สามารถบอกทิศได้ วิธีนี้ค่อนข้างจะแม่นยำ แต่โดยส่วนใหญ่เวลาที่เราหลงทางมักจะไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ติดตัวมาด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีอื่น ๆ เพิ่มเติม

ที่มา http://www.mrbackpacker.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น