1. ดูรูปแบบการท่องเที่ยว
2. เลือกขนาดของเตาที่เหมาะสม
หลังจากพิจารณารูปแบบการเดินทางของคุณแล้ว ต่อมาก็ควรจะคิดว่าเราจะใช้เตาเพื่อจุดประสงค์ใดเป็นหลัก คุณต้องการใช้เตาเพื่อประกอบอาหารมื้อใหญ่ หรือต้องการเพียงแค่น้ำร้อนสำหรับชงกาแฟเท่านั้น หากต้องการใช้ทำอาหารมื้อใหญ่คุณก็อาจจะต้องการใช้เตาที่มีสองหัวเพื่อความ รวดเร็วในการทำกับข้าว (ซึ่งแน่นอนว่าน้ำหนักก็ต้องเพิ่มขึ้นตามหัวเตาด้วย) แต่ถ้าเพียงแค่ต้องการน้ำเดือดไว้ชงกาแฟหรือต้มมาม่า แค่เตาขนาดเล็กก็คงจะเพียงพอแล้ว
เมื่อคุณได้ขนาดที่เหมาะสมแล้ว ในการเดินทางไปตากที่ต่าง ๆ คุณอาจจะพบว่าเตานั้นเกะกะพอสมควร ซึ่งเตาประเภทที่สามารถแยกถังเชื้อเพลิงออกจากตัวเตาได้จะง่ายต่อการ เก็บมากกว่า นอกจากนี้เตาบางรุ่นสามารถพับชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้เมื่อใช้เสร็จ ซึ่งเตาที่ดูมีขนาดใหญ่พอพับเก็บอาจจะเล็กนิดเดียวก็ได้ ซึ่งคุณควรจะลองดูก่อนว่าเตานั้นเมื่อพับเก็บแล้วมีขนาดเท่าไหร่
3. ตรวจสอบชนิดของเชื้อเพลิงที่ใช้
เตาแต่ละชนิดจะใช้เชื้อเพลิงไม่เหมือนกัน เช่น ใช้น้ำมัน หรือแก๊ส เป็นต้น ซึ่งเชื้อเพลิงแต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ในเรื่อง เชื้อเพลิงสำหรับเตา แต่สำหรับเตาบางรุ่นจะสามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงได้มากกว่า 1 ชนิด โดยการเปลี่ยนวาล์วที่ใช้ต่อกับถังเชื้อเพลิง ซึ่งจะทำให้เราสะดวกในการหาเชื้อเพลิงที่จะใช้ แต่ราคาก็จะแพงขึ้นตามไปด้วย
4. ตรวจสอบการใช้งานของเตา
- เตานั้นติดตั้งยากง่ายแค่ไหน
- เมื่อวางภาชนะบนเตาแล้ว เตามีความสมดุลหรือไม่ เตาบางรุ่นเมื่อวางภาชนะไปแล้วไม่สมดุล ซึ่งจะดูเหมือนเตาจะล้มลงมา
- การถอดใส่ถังเชื้อเพลิง มีความยากง่ายเพียงใด
- มีความร้อนสม่ำเสมอหรือไม่หากใช้บนพื้นที่ไม่เรียบ เตาบางชนิดเมื่อวางอยู่บนพื้อนที่ไม่เรียบหรือเชื้อเพลิงไม่อยู่ในแนวระนาบ อาจจะมีปัญหาของไฟที่ออกมาไม่สม่ำเสมอ
- ปุ่มปรับระดับความร้อนสามารถปรับได้ง่ายหรือไม่ บางรุ่นพอหมุนปรับระดับไปนิดเดียวไฟก็จะดับเลยก็มี
- การดูแลรักษามีความยากง่ายเพียงใด เราสามารถดูแลรักษาเบื้องต้นได้ด้วยตนเองหรือไม่
5. ตรวจสอบอุปกรณ์เสริม
ลองดูอุปกรณ์เสริมที่มากับเตาด้วยว่าเค้าให้อะไรมาบ้าง เตาบางรุ่นก็อาจจะมีที่บังลมติดมาด้วย หรืออาจจะมีกระป๋องเชื้อเพลิงแนบมาด้วย บางรุ่นอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะแยกขายต่างหาก ถ้าจะให้ดีควรจะมีชุดอุปกรณ์ซ่อมแซมให้มาด้วยเช่นกัน และถ้าเตาที่คุณซื้อไม่มีกล่องหรือถุงใส่มาให้ละก็ คุณควรจะหาซื้อหรือเย็บถุงสำหรับใส่เตาไว้ด้วยเพื่อป้องกันความเสียหายและ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเตาของคุณ อุปกรณ์เสริมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและช่วยดูแลรักษาเตาของเราให้มี อายุการใช้งานเพิ่มขึ้นได้
6. ตรวจสอบประสิทธิภาพของเตา
เมื่อคุณมีเตาที่อยากได้อยู่ในใจแล้ว ยังมีข้อควรพิจารณาอีกอย่างคือประสิทธิภาพของเตา สิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องเช็คก็คือ
- ระยะเวลาที่ใช้สำหรับการต้มน้ำเดือด คือเวลาที่ใช้สำหรับการต้มน้ำ 1 ควอทหรือ 1 ลิตร ในอุณหภูมิปกติที่ระดับน้ำทะเล ซึ่งปรกติเตาในต่างประเทศมักใช้หน่วยเป็นควอท ซึ่งตัวเลขนี้จะบอกถึงความร้อนของเตาว่าร้อนเพียงใด ถ้าร้อนมากน้ำก็จะเดือดในเวลาอันรวดเร็ว
- ระยะเวลาที่ใช้ในการเผาไหม้เชื้อเพลิงจำนวนหนึ่ง คือการเปรียบเทียบเวลาที่เตาชนิดหนึ่งใช้ในการเผาไหม้เชื้อเพลิงจำนวนหนึ่ง เช่น การเปิดเตา 10 นาทีใช้เชื้อเพลิงไปเท่าไร ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกับรถก็คือการเปรียบเทียบว่าน้ำมัน 1 ลิตร สามารถวิ่งได้กี่กิโลเมตรนั่นเอง แต่อย่าลืมว่าการเปรียบเทียบจะต้องเปรียบเทียบในปริมาณที่เท่ากัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น