การเลือกทำเลการผูกเปล

การเลือกทำเลในการผูกเปลจะต่างกับทำเลกางเต็นท์อยู่บ้าง เนื่องจากรูปร่างและลักษณะของอุปกรณ์นั้นต่างกัน ซึ่งเราควรมีข้อพิจารณาในการเลือกทำเลผูกเปลดังนี้
  • เลือกบริเวณที่ไม่มีลมพัดแรง – เปลนั้นจะไม่มีฟลายชีสที่คลุมได้ทั้งหมดเหมือนกับเต็นท์ ฉะนั้นเราควรจะเลือกบริเวณที่ไม่มีลมพัดแรง เช่น บริเวณยอดเขา และกางผูกเปลควรจะดูทิศทางของลมด้วย เพราะถ้าตำแหน่งที่ผูกมีลมพัดมาจากหัวเปลหรือท้ายเปล อาจจะป้องกันได้ยาก หากลมพัดเข้าด้านข้างยังพอเอาฟลายชีสมาบังลมช่วยได้
  • การเลือกต้นไม้ – การผูกเปลจำเป็นจะต้องมีต้นไม้ 2 ต้นเพื่อผูกบริเวณหัวและท้าย ต้นไม้ที่จะผูกเปลไม่ควรมีขนาดใหญ่เกินไป เพราะจำทำให้เชือกยาวไม่พอ ควรเลือกต้นไม้ที่มีขนาดกลางและมีระยะห่างกันพอที่จะผูกเปลได้ ต้นไม้ที่เลือกควรเป็นต้นไม้ที่ยังไม่ตาย ไม้ที่ตายมักจะผุตามเวลาและไม่สามารถรับน้ำหนักได้มาก สำหรับต้นกล้วยนั้นหลายคนคิดว่าไม่สามารถรับน้ำหนักได้มาก แต่ความจริงเราก็สามารถผูกเปลกับต้นกล้วยได้ แต่จะต้องเลือกต้นที่มีขนาดใหญ่สักหน่อย และไม่ควรผูกซ้อนกันหลายชั้น เพราะต้นกล้วยถึงแม้จะรับน้ำหนักได้ แต่ก็ไม่สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่าไม้เนื้อแข็งชนิดอื่น ๆ





  • ความลาดชันของพื้นดิน – จริงอยู่ว่าเปลสามารถผูกได้โดยไม่เกี่ยวกับความลาดชันของพื้น หรือสภาพพื้นดินด้านล่าง แต่เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เป็นไหล่เขา หรือมีหลุม และก้อนหินใหญ่ ๆ เพราะหากตอนกลางคืนเราลุกมาเข้าห้องน้ำแบบเบลอ ๆ อาจจะมีโอกาสสะดุดหกล้มก็เป็นได
  • แมลง – ควรตรวจสอบเรื่องมดหรือแมลง บริเวณที่ผูกเปล บริเวณพื้น และต้นไม้ เพราะมดสามารถไต่จากต้นไม้ลัดเลาะไปยังเชือกเปลได้

    มดแมลง สามารถไต่เข้าไปลได้

    หากต้นไม้มีน้อยก็สามารถ
    ผูกเปลซ้อนกันหลายชั้นได้

  • การใช้ต้นไม้ร่วมกัน – หากทำเลที่จะผูกเปลมีน้อย (มีต้นไม้ให้ผูกน้อย) เราก็สามารถใช้ต้นร่วมกันหลาย ๆ เปลได้ โดยอาจจะผูกซ้อนกันหลายชั้น หรือถ้าตำแหน่งต้นไม้เป็นสามเหลี่ยมก็อาจจะใช้ต้นกลางเป็นศูนย์เพื่อใช้เป็น ตัวกลางในการผูกเปลร่วมกันก็ได้
  • ควรผูกเปลให้ห่างจากกองไฟ - เปลไม่มีผนังในการป้องกันเหมือนกับเต็นท์ หากผูกเปลให้กับกองไฟ อาจจะพบกันควันไฟลอยเข้ามาในเปลก็ได้

thank http://www.mrbackpacker.com/gear/gear_46.html

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น